5% ชุบแข็งได้เฉพาะที่ผิวชิ้นงานเหล็กกล้าชนิดนี้ใช้ทำรางรถไฟ เพลาเครื่องจักรกล, เฟือง, หัวค้อน หรือชิ้นงานที่ต้องการความแข็งแรงแต่มีความแข็งพอสมควร 3. เหล็กกล้าคาร์บอนสูง ( High Cabon Steel) หมายถึงเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนประสมอยู่ 0. 7-1. 4% มีความแข็งแรงและแข็ง เหล็กกล้าชนิดนี้สามารถนำไปชุบแข็งได้ใช้ทำพวกเครื่องมือตัดต่า งๆ ช่น ดอกสว่าน, สกัด, กรรไกร, มีดกลึง, ใบเลื่อยตัดเหล็ก ใบมีดโกน ฯลฯ เหล็กกล้าประสม เหล็กกล้าประสม หมายถึง เหล็กกล้าที่มีส่วนประสมนอกจากคาร์บอนแล้วยังมีสารอื่นประสมรวมอยู่ด้วย การที่ต้องประสมสารอื่นลงไปก็เพื่อจุดประสงค์ดังนี้ 1. เพิ่มความแข็ง โดยที่คงความเหนียวไว้ 2. เพื่อให้ทนความร้อนได้สูงชึ้น 3. ทำให้สามารถชุบแข็งได้ 4. เพื่อให้ทนการกัดกร่อนและทนต่อการสึกหรอ สารที่ใช้ประสมในเหล็กกล้า 1. คาร์บอน ( Cabon, C) เป็นสารที่ทำให้เหล็กมีความแข็งเพิ่มขึ้นและทนต่อการสึกหรอได้ดีจำนวนคาร์บอนในเหล็กระหว่าง 0. 5-1. 4% สามารถนำไปชุบแข็งได้ 2. แมงกานีส ( Manganese, Mn) เมื่อประสมลงในเหล็กล้าจะทำให้เหล้กกล้านั้นทนต่อแรงกระแทกได้ดี มีจุดหลอมละลายต่ำลง เพิ่มความเนียวและทนต่อการสึกหรอได้ดี 3.
เหล็กกล้า (Stee) เป็นโลหะเหล็กที่มีคาร์บอนผสม โดดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทาน แบ่งเป็น 1. 1 เหล็กกล้าคาร์บอน (Cabon Steel) เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีการเติมคาร์บอนลงไปไม่เกิน 1. 7% ได้แก่ เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (คาร์บอนไม่เกิน 0. 2%) เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (คาร์บอน 0. 2-0. 5%) และเหล็กกล้าคาร์บอนสูง (คาร์บอน 0. 5-1. 5%) 1. 2 เหล็กกล้าประสม (Alloy Steel) มีส่วนผสมของคาร์บอนไม่เกิน 1. 7% และมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น โครเมียม, นิกเกิล, วาเนเดียม, โคบอลต์, โมลิบดินัม เป็นต้น แบ่งเป็น เหล็กกล้าประสมต่ำ (มีธาตุอื่นผสมรวมกันไม่เกิน 10%) เหล็กกล้าประสมสูง (มีธาตุอื่นผสมรวมกันเกิน 10%) 2. เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เป็นโลหะเหล็กผสมที่มี โครเมียมผสมอยู่อย่างน้อยที่สุด 10. 5% โดดเด่นเรื่องทนต่อการกัดกร่อนและสนิม 3. เหล็กหล่อ (Cast Iron) เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีมีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 2% โดดเด่นเรื่องจุดหลอมเหลวต่ำ
เหล็กกล้าเป็นเหล็กที่ถูกนำไปใช้ในงานต่างๆมากมาย ทั้งนี้เนื่องจากเหล็กกล้านั้น มีคุณสมบัติในการรับแรงต่างๆได้ดี เช่น แรงกระแทก (Impact Strength) แรงดึง (Tensile Strength) แรงอัด (Compressive Strength) และ แรงเฉือน (Shear Strength) ซึ่งธาตุผสมส่วนใหญ่จะเป็นทั้งโลหะและอโลหะ เช่น โมลิบดินั่ม ทังสเตน วาเนเดียม เป็นต้น โดยเหล้กกล้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้ เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon steels) หมายถึง เหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของธาตุคาร์บอนเป็นธาตุหลักที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อ คุณสมบัติทางกลของเหล็ก และยังมีธาตุอื่นผสมอยู่อีก ซึ่งแบ่งเหล็กกล้าคาร์บอนออก เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนไม่เกิน 0. 25% นอกจากคาร์บอนแล้ว ยังมีธาตุอื่นผสม- อยู่ด้วย เช่น แมงกานีส ซิลิคอน ฟอสฟอรัส และกำมะถัน แต่มีปริมาณน้อยเนื่องจาก หลงเหลือมาจากกระบวนการผลิต เหล็กประเภทนี้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม และใน ชีวิตประจำวันไม่ต่ำกว่า 90% เนื่องจากขึ้นรูปง่าย เชื่อมง่าย และราคาไม่แพง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นมีการนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง เช่น ตัวถังรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ กระป๋องบรรจุอาหาร สังกะสีมุงหลังคา เครื่องใช้ในครัวเรือน และในสำนักงาน 2.
เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (Medium Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0. 2-0. 5% มีความแข็งแรงและความเค้นแรงดึงมากกว่า เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ แต่จะมีความเหนียวน้อยกว่า สามารถนำไปชุบแข็งได้ เหมาะกับ งานทำชิ้นส่วนเครื่องจักรกล รางรถไฟ เฟือง ก้านสูบ ท่อเหล็ก ไขควง เป็นต้น 3. เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0. 5 – 1.
เหล็กกล้า ( Steel) เหล็กกล้า หมายถึง เหล็กที่มีส่วนประสมของคาร์บอนไม่เกิน 1. 4% ในเหล็กกล้าจะมีคาร์บอนแยกตัวอยู่ในรูปของ กราไฟต์ประสมอยู่ ประเภทของเหล็กกล้า เหล็กกล้าแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ 1. เหล็กกล้าคาร์บอน 2. เหล็กกล้าประสม เหล็กกล้าคาร์บอน เหล็กกล้าคาร์บอน หมายถึง เหล็กกล้าที่มีส่วนประสมของคาร์บอน และยังมีสารอื่นผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย ซึ่งติดมากับเหล็กดิบซึ่งได้จากการถลุงเหล็ก เหล็กกล้าคาร์บอนสามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิด ตามปริมาณของคาร์บอนที่ประสมอยู่ 1. เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ ( Low Cabon Steel) หมายถึงเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนประสมอยู่ไม่เกิน 0. 3% มีคุณสมบัติเหนียวแต่ไม่แข็งแรงมากนัก นำไปขึ้นรูปได้ง่ายไม่สามารถนำไปชุบแข็งได้แต่ถ้าต้องการชุบแข็งต้องใช้วิธีเติมคาร์บอนที่ผิวก่อน เนื่องจากมีคาร์บอนอยู่น้อย เหล็กกล้าชนิดนี้ ใช้ทำเหล็กโครงสร้างรูปทรงต่าง ๆ ลวดมัดของ, เหล็กแผ่นทำตัวถังรถยนต์, โซ่ ฯลฯ 2. เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง ( Medium Cabon Steel) หมายถึงเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนประสมอยู่ 0. 3-0. 7% มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ เหล็กกล้าชนิดนี้สามารถนำไปชุบแข็งได้ ถ้ามีคาร์บอน 0. 5% ขึ้นไป ถ้ามีคาร์บอนต่ำกว่า 0.
เหล็กกล้า จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สะพานเหล็ก สายเคเบิลที่ทำจากเหล็กกล้า เหล็กกล้า (อังกฤษ: steel) คือ เหล็ก (สัญลักษณ์ทางเคมี: Fe) ที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มสารอื่นๆเข้าไปเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของเหล็กให้ดีขึ้น เป็นโลหะผสมที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนอยู่ระหว่าง 0. 2 – 2. 04% โดยน้ำหนักขึ้นกับคุณภาพ คาร์บอนเป็นวัสดุผสมที่ลดต้นทุนของเหล็กแต่ก็มีการใช้ธาตุอื่นๆ เช่น แมงกานีส โครเมียม วานาเดียม และทังสเตน[1] คาร์บอนและธาตุอื่นๆเป็นตัวทำให้แข็ง การเปลี่ยนปริมาณธาตุที่ผสมในโลหะผสมที่พบในเหล็กกล้า มีส่วนในการควบคุมคุณภาพทั้งด้านความแข็ง การรีดเป็นแผ่นได้ และความตึงของเหล็กกล้าที่ได้ เหล็กกล้าที่มีโครงสร้างของแกรไฟต์แบบกลมปรากฏอยู่จะพบว่ามีความอ่อนตัวสูง เหล็กกล้าที่มีคาร์บอนมากขึ้นจะแข็งแกร่งและมีความแข็งมากกว่าเหล็ก แต่จะเปราะ ค่าสูงสุดในการละลายของคาร์บอนในเหล็กเป็น 2.