5 ล้านโพสต์ #onlineshopp - 72. 5 ล้านโพสต์ #shoponline - 22. 7 ล้านโพสต์ #ecommerce - 10. 4 ล้านโพสต์ #ecommercebusiness - 8. 6 แสนโพสต์ หมวด Business #business - 94. 3 ล้านโพสต์ #entrepreneur - 89. 1 ล้านโพสต์ #startup - 23. 8 ล้านโพสต์ #businessowner - 17. 3 ล้านโพสต์ businesswoman - 14. 4 ล้านโพสต์ หมวด Small Business #smallbusiness - 84. 8 ล้านโพสต์ #shoplocal - 65. 7 ล้านโพสต์ #shopsmall - 50. 1 ล้านโพสต์ #supportsmallbusiness - 47. 2 ล้านโพสต์ #localbusiness - 13. 4 ล้านโพสต์ ที่มา:
ด้วยปัจจุบันร้านค้าได้ย้ายเข้าสู่ออนไลน์กันค่อนข้างเยอะ ทำให้เกิดการแข่งขันของธุรกิจในแต่ละแพลตฟอร์ม อย่างอินสตาแกรมก็เป็นอีก 1 แพลตฟอร์มที่เน้นการขายของ เน้นไลฟ์สไตล์ ดังนั้น ในวันนี้เรามี ไอเดียการจัดวางเลย์เอาท์ร้านค้าใน IG ให้ปัง! โดดเด่น! ลูกค้าชอบ!. 1. ยึดตามสีของแบรนด์ ซึ่งสีแบรนด์ของเราสามารถโผล่อยู่ได้ในทุกๆ ทั้งบนบรรจุภัณฑ์ พื้นหลังภาพ คำคม สีเสื้อผ้า พร็อบประกอบฉาก ข้อดี - ทำให้เราสามารถคุมโทนสีของหน้าฟีดได้ดี เป็นการย้ำถึงสีแบรนด์ สร้างภาพจำ ข้อเสีย - อาจทำให้เกิดความรู้สึกน่าเบื่อ หากรูปภาพที่ใช้มีความธรรมเกินไป หรือไม่มีสีตัดกันในภาพ. 2. จัดวางแบบกระเบื้อง วิธีนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากสำหรับธุรกิจ เราจะเรียกการจัดวางแบบนี้ว่า 'กระเบื้อง' นั่นคือการวางสลับเป็นช่อง ซึ่งเราสามารถ ลงสลับระหว่างรูปภาพกับข้อความ รูปคนสลับกับเครื่องประดับ หรือการสลับรูปภาพที่มีพื้นหลังสีต่างกัน ก็ได้ ข้อดี - เหมาะกับสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ทำให้สามารถคุมโทนสีของหน้าฟีดได้ ถือเป็นวิธีการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างหนึ่ง และช่วยให้เราสามารถจัดวางรูปภาพไว้รอล่วงหน้าได้จำนวนมาก ข้อเสีย - ในปัจจุบันพฤติกรรมของลูกค้าอาจจะไม่ได้ชอบอะไรที่สมบูรณ์แบบเกินไป และวิธีการโพสต์แบบนี้อาจทำให้ดูจำเจได้.
6. จัดฟีดสีรุ้ง วิธีนี้เป็นการจัดหน้าฟีดให้มีการไล่สีกันต่อไปเรื่อยๆ เมื่อลูกค้าเลื่อนลงก็จะเป็นไปตามสีของรุ้ง ซึ่งอาจจะเลือกการไล่สีจากพื้นหลัง หรือจากสีของสินค้า โดยวิธีนี้เหมาะกับแบรนด์เสื้อผ้า แบรนด์แต่งหน้า แบรนด์เล็บ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ข้อดี - ถือเป็นวิธีการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างหนึ่ง ข้อเสีย - ไม่เหมาะกับแบรนด์ที่มีสินค้าน้อยสี และหากไม่ได้มีการวางแผนอาจจะทำให้เกิดการลายตาได้. 7. ใช้ Quote เข้าช่วย การใช้ Quote หรือคำพูดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์มาช่วย โดยสามารถเลือกจัดผสมกับเทคนิคการจัดเลย์เอ้าท์อื่นๆ ได้เลย ข้อดี - ทำให้เราดูเข้าถึงง่าย และทัชกับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มพื้นที่พักสายตา ข้อเสีย - หากวางติดต่อกันจนเกินไปอาจทำให้น่าเบื่อ และจากเหตุผลที่ต้องการให้เป็นพื้นที่พักสายตา อาจกลายเป็นทำให้ลายตามากกว่าเดิม. 8. เลือกรูปฟีลแอบถ่ายหรือโชว์ไลฟ์สไตล์ นี่นับเป็นอีกไอเดียที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเน้นไปที่่การถ่ายภาพที่โชว์ไลฟ์สไตล์ บน้องถนน หรือสถานที่ต่างๆ มากกว่าการอยู่ในอาคาร หรือสตูดิโอ ข้อดี - เป็นวิธีที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเข้าถึงง่าย จับต้องได้ อยากจะซื้อเพื่อโชว์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ข้อเสีย - เป็นวิธีที่แบรนด์เริ่มใช้เยอะ จนบางทีลืมใส่ใจความเหมาะสมว่าเหมาะกับแบรนด์ของตัวเองหรือเปล่า.
Instagram หนึ่งในสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก รู้จักตัวตนกันผ่านการแชร์รูปภาพสวยๆ พร้อมแคปชั่นสั้นๆ แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มีแค่ให้เรากดติดตามบุคคลที่ชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกช่องทางออนไลน์ที่ผู้ประกอบการหลายคนใช้ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าต้องอาศัยหลายปัจจัย มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และต้องใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อให้มีจำนวนผู้ติดตามมากขึ้น สำหรับใครที่มีไอจีร้านอยู่แล้ว นี่คือ 10 เทคนิคที่ช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น 1. วิธีเพิ่มยอดขายในไอจีเริ่มจากสร้างโพสต์ให้น่าสนใจ ไม่เน้นขายเพียงอย่างเดียว ลองเปลี่ยนจากการขายตรงๆ มาเป็นขายผ่านเรื่องราว พยายามสร้างความสนใจให้กับลูกค้าผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ ที่ไม่เน้นขายของจนเกินไป แต่ต้องรับรู้ได้ทันทีว่า " ร้านนี้ขายอะไร " สิ่งที่โพสต์ลงไปต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ ถ้าอยากให้แบรนด์อยู่ในเทรนด์ ผู้ติดตามเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็ต้องดูว่าคอนเทนต์ประเภทไหนที่กำลังเป็นที่พูดถึง อาจหยิบยกเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสมาสร้างคอนเทนต์ แต่ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา 2. เล่าเรื่องผ่านภาพได้อย่างน่าสนใจ หากพูดถึง IG สิ่งที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นรูปภาพสวยๆ รูปสินค้าที่ดูคมชัด มีองค์ประกอบของรูปภาพดี ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น รูปภาพ โทนสี รวมถึงภาษาที่ใช้ บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ของแบรนด์ นั่นหมายความว่า แบรนด์ต้องสร้างตัวตน ให้ชัดเจน อยากให้ลูกค้าจดจำธุรกิจของเราแบบไหน ลองปล่อยให้ภาพเล่าเรื่อง พร้อมกับแคปชั่นเด็ด น่าสนใจ รายละเอียดครบถ้วน ไม่ยาวเหยียด 3.
นำเสนอให้หลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ การนำเสนอคอนเทนต์ใน IG ไม่จำกัดอยู่แค่รูปภาพเท่านั้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเพิ่มยอดผู้ติดตามมากขึ้น ลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องมืออื่นๆ ดูบ้าง เลือกให้เหมาะสมกับแต่ละคอนเทนต์ที่นำเสนอ เช่น IG Stories, IGTV, ภาพอัลบั้ม, ภาพ Boomerang, คลิปวีดีโอการใช้งานสินค้า เป็นต้น หากมีสินค้าใหม่ๆ ก็สามารถอัพโหลดสตอรี่ให้ผู้ติดตามเห็นได้ง่ายๆ 4. โต้ตอบกับลูกค้าอยู่เสมอ ยิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเพิ่มยอดขายร้านได้ดีเท่านั้น นอกจากการตอบคอมเมนต์คนที่มาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์แล้ว ในกรณีที่ลูกค้ามีการรีวิวสินค้าแล้ว Tag ชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้า หรือชื่อร้านของเรา อาจใช้วิธี Repost ภาพเหล่านั้นแล้วแท็กลูกค้ากลับ อย่างไรก็ตามควรขออนุญาตให้เป็นกิจลักษณะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ภายหลัง เปรียบเสมือนว่าลูกค้าเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ให้กับแบรนด์และช่วยโปรโมทร้านให้ฟรีนั่นเอง 5. ใส่แฮชแท็กเพื่อให้ร้านค้าถูกค้นเจอมากยิ่งขึ้น การใช้ #Hashtag (แฮชแท็ก) มีส่วนสำคัญมากต่อการเพิ่มโอกาสในการถูกค้นเจอให้กับคอนเทนต์ของเรา หากคอนเทนต์ดี อาจเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม และกลายเป็นลูกค้าได้ ถ้าต้อง การช่วยให้แบรนด์แจ้งเกิด ลองสร้าง hashtag ของแบรนด์ขึ้นมา เทคนิคนี้ช่วยสร้าง community ให้กับแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์น่าติดตาม และสร้างความโดดเด่น ควรใช้แฮชแท็กที่เฉพาะเจาะจง ตรงกับคาแรคเตอร์ของธุรกิจ 6.
เลือกแคตตาล็อกสินค้าเพื่อเชื่อมต่อกับโปรไฟล์ธุรกิจของคุณ 7. แตะ " เรียบร้อย " เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ทดลองใช้ฟีเจอร์ IG Shopping กันได้เลย โดยที่คุณสามารถใส่ป้าย Tag สินค้าบนรูปภาพ โดยการเลือกรูปภาพหรือวิดีโอที่จะแชร์ แล้วแตะที่ "Tag Products". – สามารถใส่ Tag สินค้าได้สูงสุดถึง 5 อันต่อ 1 รูปภาพ/วิดีโอ และสูงสุดถึง 20 อันเมื่อโพสต์แบบ multi-image posts – สามารถแก้ไข Tag ได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นโพสต์เก่า ๆ ก็ตาม – สำหรับการเพิ่ม Sticker สินค้าใน IG Stories สามารถใส่ Tag ได้เพียง 1 อันต่อ 1 โพสต์เท่านั้น และยังสามารถปรับสีและขนาดตัวอักษรในสตอรี่ได้เหมือนเดิม แต่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลบนรูปภาพได้อีกนอกจากลบสตอรี่นั้นออกไป. ปล. ไม่สามารถนำรูปภาพที่ใช้ฟีเจอร์ IG Shopping ไปใช้ในการยิง Ads ใน Instagram ได้นะครับ แต่รูปภาพอื่น ๆ ยังสามารถทำได้ตามปกติครับ ลองนำปรับใช้กันดูนะครับ เป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย และไม่ยุ่งยากเลย ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการเปิดและปิดการขายให้จบได้ใน Application เดียว เพียงแค่ตั้งค่าให้ครบถ้วนและถูกต้อง บวกกับรูปภาพสินค้าที่น่าสนใจ น่าจะได้กำไรได้ไม่น้อยเลยล่ะครับ.
เข้าไปที่ตัวจัดการธุรกิจของคุณ () จากนั้นมุมบนด้านซ้ายให้กดสัญลักษณ์เมนูดังรูป 2. จากนั้นให้มองหาเมนูที่ชื่อว่า Catalog Manager 3. เลือกหมวดหมู่สินค้าหรือบริการที่ตรงกับธุรกิจของคุณ 4. จากนั้นให้เลือก อัปโหลดสินค้า โดยข้อมูลตรงนี้คือส่วนที่คุณต้องเตรียมเอาไว้ ทั้งรูปภาพและข้อมูลสินค้าต่างๆ จากนั้นทำการกำหนดรายละเอียดังรูป โดยจะมี 2 ส่วนให้คุณตั้งค่าคือ "ใครเป็นเจ้าของแคตตาล็อกนี้" และ "ชื่อของแคตตาล็อก" เมื่อทำการตั้งค่าต่างๆ เรียบร้อย ให้กดปุ่ม Create 5. กด View Catalog เพื่อเข้าไปทำการเพิ่มรายละเอียดสินค้า 6. ในหน้านี้คุณสามารถเลือกแคตตาล็อกที่ต้องการเพิ่มสินค้าเข้าไปได้ จากนั้นให้เลือกที่เมนู Products ทางด้านซ้าย และเลือกเป็น Add Manually หรือทำการเพิ่มสินค้าด้วยตัวเอง จากนั้นกดปุ่ม Next 7. ระบบจะพาคุณเข้าสู่หน้าเพิ่มสินค้าด้วยตัวเองโดยให้คุณใส่รายละเอียดตามที่ระบบกำหนดมาดังภาพ 7. 1 อัปโหลดภาพ (ควรเป็นภาพแบบ 1:1 และมีขนาดตั้งแต่ 600×600 px ขึ้นไป) 7. 2 ใส่ชื่อสินค้า 7. 3 กรอกรายละเอียดของสินค้า 7. 4 ใส่เว็บไซต์ที่ลูกค้าจะสามารถเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม หรือทำการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ (ในปัจจุบันยังไม่สามารถทำการสั่งซื้อบนระบบของ Instagram แบบตรงๆ ได้) 7.
มือใหม่อยากเริ่มขายใน IG ต้องเริ่มยังไง? - YouTube
ขอความรู้จากทุกๆคนในการขายของผ่านเน็ตก็ได้ กำลังวางแผนขายเคสมือถือ อยากรู้วิธีทำให้ร้านของผมดัง มีคนรู้จักเยอะ ต้องควรทำไง ต้องมีวิธีใดที่ขายของให้ได้เยอะๆ ขอบคุณครับ แสดงความคิดเห็น