"เงินต้น" หรือ เงินออมต่อเดือน ซึ่งหากเราสามารถออมเงินได้ในสัดส่วนที่สูงต่อเดือน ก็จะทำให้มีโอกาสออมเงินได้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ควรวางแผนสำหรับเงินออมในแต่ละเดือนให้เหมาะสมกับตัวเอง ตัวอย่างเช่น 10-20% ของเงินเดือนที่ได้รับ 2. "ผลตอบแทนที่ได้รับ" การที่เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้นจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับนั้น จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุน ตัวอย่างเช่น เงินฝากหรือตราสารหนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 0. 25-1. 5% ต่อปี หุ้นหรือกองทุนรวมตราสารทุน อยู่ที่ประมาณ 6-10% ต่อปี (ในระยะยาว) 3. "ระยะเวลาการทำ DCA" เป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้เงินที่ลงทุนไปนั้น ได้มีโอกาสทำงานและสร้างผลตอบแทน ยิ่งระยะเวลาการทำ DCA นานขึ้น โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ก็จะยิ่งมากขึ้นเช่นเดียวกัน สุดท้ายนี้เห็นได้ชัดว่า วิธีการออมเงินแบบ DCA เป็นวิธีออมเงินที่ทำได้ง่าย และสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ โดยหากเราตัดสินใจออมเงินด้วยวิธี DCA เพียงแค่เราตัดสินใจเลือก 3 สิ่งที่เหมาะสมกับแผนการออมเงินของเรา (ในครั้งแรก) นั้นก็คือ 1. ผลิตภัณฑ์การเงิน 2. จำนวนเงินที่จะออมในแต่ละเดือน และ 3.
ผลการค้นหา (10) จากนี้ไปทุกธุรกรรมทางการเงินของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยบริการ อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง สามารถทำธุรกรรมกับ K-Bank ได้ทุกที่ทุกเวลา จากนี้ไปทุกธุรกรรมทางการเงินของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยบริการ อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง สามารถทำธุรกรรมกับ K-Bank ได้ทุกที่ทุกเวลา